The Story of Burt Munro

The Story of Burt Munro - ตำนานผู้ไม่เคยยอมแพ้ให้กับความเร็ว “Burt Munro”

สวัสดีครับ ผู้อ่านชาว Simple&Raw ทุกท่าน วันนี้เราจะมาพักเรื่องไอเทมกันไว้ซักหน่อย แต่จะมาพูดถึงบุคคลระดับตำนาน !! ที่สร้างแรงบันดาลใจกับใครหลายๆคนมาแล้วอย่าง “ Burt Munro ” คุณลุงผู้ไม่เคยยอมแพ้กับความเร็วกับเจ้ารถคู่ใจอย่าง indian scout 1920 กับสถิติความเร็ว 305 km บนสนามเกลือสุดหินอย่าง Bonneville ผมบอกได้เลยครับว่าเรื่องราวของคุณลุงคนนี้น่าสนใจมากๆ ถ้าเพื่อนๆได้รู้จักเขาจะเข้าใจถึงคำว่า “อย่าทิ้งความฝัน”

Herbert James Munro เกิดที่เมือง Invercargil เป็นเมืองทางใต้ของประเทศ New Zealand ในปี 1899 ตั้งแต่เด็กๆแล้ว Burt เป็นเด็กที่ชื่นชอบความเร็วกับเจ้ารถ 2 ล้อและหลงใหลในเครื่องยนต์ของจักรยานยนต์อย่างมาก เรียกได้ว่าช่วงที่เขาโตขึ้นมาคลุกอยู่แต่กับอะไหล่มอเตอร์ไซค์ตลอดเวลาทำให้เขามีฝีมือในด้านของการดัดแปลงชิ้นส่วนต่างๆของมอเตอร์ไซค์หรือเพิ่มประสิทธิภาพให้กับรถ หลังจากนั้นเมื่อเขาโตจนเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นจึงตัดสินใจไปสมัครงานเป็นพนักงานขายรถจักรยานยนต์ และช่างซ่อม เค้าทุ่มเทความชอบทั้งหมดที่มีใส่ลงไปในการทำงานอย่างเต็มที่ ได้ใช้ฝีมือในด้านการปรับแต่ง และยังได้นำรถไปลงแข่งด้วย จึงทำให้ชื่อของ Burt Munro ที่ทำงานในอู่เล็กๆ กลับโด่งดังในประเทศ New Zealand ในฐานะช่างฝีมือระดับแนวหน้า เค้าทำแบบนี้จนถึงอายุย่างเข้า 40 ปี Burt Munro ตัดสินใจลาออกจากงานประจำพร้อมทั้งเอาเงินที่เก็บสะสมมาทั้งหมด มาดัดแปลงหลังบ้านตัวเองให้กลายเป็นอู่สำหรับซ่อมมอเตอร์ไซค์ และอัพเกรดมอเตอร์ไซค์ของเขาเอง ในตอนที่เขาสร้างอู่หลังบ้านเค้ามีความคิดที่อยากจะสร้างผลงานอะไรซักอย่างที่เป็นสถิติโลก ซึ่งหลายๆคนหาว่า บ้าไปแล้วที่ลาออกจากงานมาทำอะไรแบบนี้ ไม่มีทางเป็นไปได้หลอก บลาๆ หลายคำสบประสาท บวกกับช่วงนั้น Burt Munroก็อายุมากแล้ว และรถของเขาก็ยังเป็น Indian scout ปี 1920 ซึ่งก็มีความเก่าไม่แพ้เจ้าของกันเลย อีกทั้งยังขี่ทำความเร็วได้แค่ 55 ไมล์ ต่อชั่วโมงเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นไปได้ยากมากๆ แต่ถึงกระนั้น Burt Munro ก็ไม่สนใจคำสบประมาทพวกนี้ และเขาตั้งเป้าว่าจะเป็นคนที่ขี่จักรยานยนต์เร็วที่สุดในโลก !!

เขาจึงเริ่มวางแผ่นในการปรับแต่งรถของเขาให้มีความแรงทะลุขีดจำกัด 55 ไมล์ต่อชั่วโมงเป็นอันดับแรกก่อน หลังจากนั้นจึงเริ่มผลิตอะไหล่ชิ่นส่วนอื่นๆตามขึ้นมา โดยทำกับมือของ Burt Munro แม้กระทั้งลูกสูบก็ยังเป็นคนหล่อขึ้นมาเอง เมื่อเค้าสร้างรถที่แรงได้แบบว่าสุดๆขึ้นมาแล้ว แผนต่อไปก็คือหาสถานที่วิ่งเพื่อพิสูจน์ความเร็วของมันกัน ซึ่งสภานที่นั้นก็คือ สนาม “ Bonneville Speed Way ” ตั้งอยู่ที่รัฐ Utah ประเทศอเมริกานั่นเอง ซึ่งเป็นสนามที่พื้นมีแต่เกลือ หรือเรียกกันง่ายๆว่า สนามเกลือนั่นเอง ที่นี้เปรียบเสมือนสังเวียนของการพิสูจน์ความเร็วของโลกกันเลยละ

Credit : motorcyclemuseum

แต่สมัยก่อนไม่ได้เดินทางง่ายเหมือนปัจจุบัน Burt Munro จึงต้องนำมอไซค์ของเค้าขึ้นเรือจาก New Zealand ไปลงที่ LA หลังจากนั้นต้องขับรถพร้อมลากจักรยานยนต์ของเค้าไปต่อเพื่อไปถึงที่ Utah ด้วยตัวเองคนเดียว !

เมื่อไปถึงสนามแข่ง Burt Munro กลับเจอเรื่องที่ไม่ขาดฝัน เมื่อเค้าได้เอารถเข้าตรวจสภาพก่อนแข่ง ปรากฏว่ารถของเค้าและตัวเค้านั้นแก่เกินไปที่จะลงแข่ง และไม่ปลอดภัยอีกด้วย แต่ Burt Munro ก็ไม่ยอมแพ้เค้าได้ขอร้องเจ้าหน้าที่คุมแข่งอย่างสุดหัวใจ ที่ตั้งใจมาถึงที่นี้เพื่อพิสูจน์ความเร็วของเขา แม้ว่ามันจะอันตรายต่อชีวิตเค้าก็อยากทำมันอย่างเต็มที่ เมื่อทุกคนในงานได้เห็นความตั้งใจแบบนี้ แถมยังเดินทางมาไกลจากอีกฝั่งของโลก จึงอนุญาติให้ Burt Munro ได้เอารถเข้าลงวัดความเร็ว

เมื่อถึงจุดที่กำลังปล่อยตัว รถของเค้าต้องการคนเข็นเพื่อปล่อยตัวจากจุดสตาท หลายๆคนในนั้นคิดว่า คงไม่ได้แรงมาก วิ่งได้ไปถึงไหนหรอก เพียงแต่ทุกคนในนั้นกลับเป็นห่วงความปลอดภัยของเขาซะมากกว่า แต่เมื่อปล่อยตัวออกไปแล้ว.... Burt Munro ก็ทำให้ทุกคนอ้าปากตาค้าง !! กันเลยออกตัวชนิดว่าติดจรวดกันเลยกับเจ้า Indian scout คันเก่าๆ ทำลายความเร็วที่ 183.3 ไมล์ต่อชั่วโมงหรือ 295 กิโลเมตรต่อชั่วโมง !! เค้าได้กลายเป็นคนที่ขี่จักรยานยนต์ความจุไม่เกิน 1000 cc และเป็นรถ indain คันแรก และคันเดียวที่ทำความเร็วแบบนี้ได้ !! สถิตินี้ถูกบันทึกไว้ในปี 1962 เป็นต้นมา หลังจากนั้น Burt Munro ก็ยังคงไปยัง “ Bonneville Speed Way ” อีก 2 ครั้ง ซึ่งเค้าสามารถทำลายสถิติเดิมที่ทำไว้ครั้งสุดท้ายได้ กลายเป็นว่ารถของเขาวิ่งได้ความเร็วสูงสุด 305 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง ในปี 1967 นี้จึงทำให้ Burt Munro ถูกยกย่องให้เป็นเจ้าแห่งความเร็วตลาดกาลหรือ GOD OF SPEED !!

Credit : freeinfosociety

นี้คือตำนานของเทพเจ้าแห่งความเร็วของ Burt Munro เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้เพื่อนๆคงพอเข้าใจแล้วละว่าทำเขาถึงเป็นตำนาน ต้องขอบคุณเรื่องราวของคุณลุงที่ทำให้รู้จักกับคำว่า “อย่าย้อมแพ้ และเดินตามความฝัน ”หวังว่าคอลัมน์นี้จะสร้างแรงบันดาลใจกับเพื่อนๆได้นะรับ สวัสดีครับ

credit : freeinfosociety

Shop now